โรงเรียนวัดรัตนาราม (ธรรมรักขิตประชานุกูล) ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๘๒ตรงกับวันจันทร์ แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีเถาะ มีชื่อแรกตั้งว่าโรงเรียนประชาบาลตำบลเลม็ด ๒(วัดแก้ว)โดยความคิดริเริ่มของขุนอารีราชการันต์ นายอำเภอไชยา กับนายพูล ศรีสุวรรณ ธรรมการอำเภอไชยาโดยได้ขอร้องพระอธิการยัง ธรรมนนโท เจ้าอาวาสวัดแก้ว นายพรม คชเวช นายวงษ์ จันทร์เพชร นายพร้อม ศึกเสือ นายเคว็ด จำเนียร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๓,๘,๙ และ ๑๐ ตำบลเลม็ด ได้ช่วยจัดหาอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ที่จำเป็นในการเรียนการสอน โดยได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในหมู่บ้านที่กล่าวถึง
เป็นอย่างดี เปิดทำการสอนวันแรกมีครู ๒ คน คือนายเนื่อม ไชยดิษฐ์ (ป.ป.) และนายเอื้อน จรูญฉาย (ม.๒)
มีนักเรียน ๑๘ คน เป็นชาย ๖ คน หญิง ๑๒ คน ทั้งนี้ได้อาศัยศาลาการเปรียญของวัดแก้วเป็นสถานที่เรียน
การเปิดเรียนในครั้งแรกมีวัตถุประสงค์เพื่อเกณฑ์นักเรียนที่ตกค้างและมีบ้านใกล้เคียงกับโรงเรียน ให้ได้
เข้าเรียน นักเรียนจึงมีอายุแตกต่างกันมากโรงเรียนเปิดทำการสอนได้ ๑๒ วัน ทางราชการได้มีคำสั่ง
เปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนประชาบาล ตำบลเลม็ด ๒ (วัดแก้ว) เป็นโรงเรียนประชาบาลตำบล เลม็ด ๑
(วัดแก้ว) ต่อมาทางวัดได้เปลี่ยนชื่อใหม่จากวัดแก้ว เป็นวัดรัตนาราม ทางราชการจึงได้เปลี่ยนชื่อจาก
โรงเรียนประชาบาลตำบลเลม็ด ๑ (วัดแก้ว) เป็นโรงเรียนประชาบาลตำบลเลม็ด ๑ (วัดรัตนาราม)
เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๕
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ พระอธิการพวง ธรรมรักขิตโต เจ้าอาวาส เห็นว่าศาลาการเปรียญมีความแออัดและชำรุด จึงได้ขอความร่วมมือจากผู้ปกครองและราษฎรในท้องถิ่นสละทรัพย์และแรงงานจัดสร้างอาคารเรียนถาวรขึ้น ๑ หลัง โดยแยกออกจากบริเวณวัดไปในทุ่งนา ด้านทิศตะวันออก อาคารมีขนาด กว้าง ๙ เมตร ยาว ๒๔ เมตร เป็นอาคารไม้ใต้ถุนสูง ในเนื้อที่ ๒ ไร่ ๙๔ ตารางวา เริ่มลงมือก่อสร้างในวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๕ และทำการต่อเติมชั้นล่างเป็นห้องเรียน ในการนี้ได้รับความช่วยเหลือจากนายรุ่น ลอยเกตุ นำนักเรียนผู้ใหญ่ไปตัดไม้ด้วย เริ่มเปิดใช้อาคารเรียนหลังนี้ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๖
วันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ ทางราชการได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนประชาบาลตำบล เลม็ด ๑ (วัดรัตนาราม) เป็นโรงเรียนวัดรัตนาราม (ธรรมรักขิตประชานุกูล)
ปีการศึกษา ๒๕๑๘ โรงเรียนได้ขอขยายชั้นเรียนจากเดิมซึ่งเปิดสอนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๔ เป็นชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ โดยขยายปีละ ๑ ชั้นเรียนในขณะนั้นนายวิเชียร ฤทธิเดช ได้ดำรงตำแหน่งครูใหญ่ และได้เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๓ และทางราชการได้แต่งตั้งนายสุวัฒน์ วัฒนปราโมทย์ มาดำรงตำแหน่งครูใหญ่แทน
ปีการศึกษา ๒๕๒๗ เด็กหญิงปกรณ์พรรณ เผือกสวัสดิ์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ได้รับทุนพระราชทาน
ปีงบประมาณ ๒๕๒๘ โรงเรียนได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียน แบบ สปช. ๑๐๕/๒๖ จำนวน ๔ ห้องเรียนเป็นเงิน ๘๐๐,๐๐๐ บาท ทำการสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๘เปิดใช้อาคารเรียนเมื่อวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๙
ปีการศึกษา ๒๕๓๐ เด็กหญิงสุดา หนูแก้ว นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ สอบชิงทุนพระราชทานได้อันดับที่ ๑
ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ โรงเรียนได้จัดชุมนุมศิษย์เก่าเพื่อหาเงินสร้างห้องประชุม ขนาดกว้าง
๘ เมตร ยาว ๓๐ เมตร โดยใช้วัสดุส่วนหนึ่งที่เหลือจากการรื้อถอนอาคารเรียน คิดเป็นงบประมาณในการก่อสร้างประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ในการดำเนินการครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากนายเสนอ มีศิลป์และญาติบริจาคเงินจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท
วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๘ นายสุวัฒน์ วัฒนปราโมทย์ อาจารย์ใหญ่ได้เกษียณอายุราชการ
ทางราชการได้แต่งตั้งนายพรศักดิ์ อ่ำใหญ่ มาดำรงตำแหน่งแทนเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๙
ปีการศึกษา ๒๕๔๐ โรงเรียนได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารห้องสมุด ขนาดกว้าง ๖ เมตร
ยาว ๑๕ เมตร โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธาและงบประมาณที่เหลือจากการสร้างหอประชุม ทั้งนี้ เป็นเพียงการก่อสร้างโครงสร้างของอาคารเท่านั้น เนื่องจากมีงบประมาณจำกัด
ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ โรงเรียนมีอายุครบ ๖๐ ปีของการก่อตั้งโรงเรียนผู้บริหารโรงเรียนจึงหารือร่วมกับคณะครู คณะกรรมการโรงเรียน เพื่อจัดงานทำบุญครบรอบ ๖๐ ปี และทอดผ้าป่าการศึกษา เพื่อหารายได้ดำเนินการก่อสร้างห้องสมุดที่ยังค้างอยู่ โดยได้จัดงานทำบุญและทอดผ้าป่าการศึกษา เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยมีนายจำนง ชมภูพล อดีตรองผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และอดีตศิษย์เก่าโรงเรียนวัดรัตนาราม เป็นประธาน ในการนี้ได้รับความร่วมมือจากบรรดาศิษย์เก่าและผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงิน รวมทั้งสิ้น ๓๗๐,๕๘๕.๕๐ บาท (สามแสนเจ็ดหมื่นห้าร้อยแปดสิบห้าบาทห้าสิบสตางค์) เนื่องจากปีนี้เป็นปีมหามงคล ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ ๗๒ พรรษา โรงเรียนจึงหวังที่จะสร้างอาคารห้องสมุดเพื่อเฉลิมพระเกียตริและเป็นที่ระลึกในโอกาสครบ ๖๐ ปี
การก่อสร้างโรงเรียน เนื่องจากมีงบประมาณเพียงพอ จึงได้ต่อเติมอาคารอีก ๑ ห้อง เพื่อจัดเป็นพิพิธภัณฑ์การศึกษา สำหรับรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้เก่าแก่ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาในอนาคต การก่อสร้างอาคารได้สำเร็จสามารถใช้การได้เมื่อวันที ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๒ และได้ทำพิธีเปิดอาคารอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยได้กราบเรียนเชิญเลขาธิการคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ดร.กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เป็นประธานแต่เนื่องจากท่านติดราชการ จึงได้มอบหมายให้นายสุนันท์ เทพศรี ผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาเป็นประธานแทน
ปลายปีการศึกษา ๒๕๔๔ โรงเรียนและกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานได้ร่วมวางแผนจัดหาสื่อที่เป็นเทคโนโลยีทางการศึกษาคือคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการเรียนการสอนเนื่องจากมองเห็นว่ามีความสำคัญและความจำเป็นต่อการเรียนรู้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยจัดเลี้ยงน้ำชา กาแฟ และ ขอบริจาคเครื่องคอมพิวเตอร์จากบรรดาศิษย์เก่าและผู้มีจิตศรัทธา รวมทั้งสิ้น ๑๒ เครื่อง โดยได้ทำการติดตั้งเสร็จเรียบร้อยเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๔๕
วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๕ สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีคำสั่งเลื่อนและแต่งตั้งนายพรศักดิ์ อ่ำใหญ่ ผู้บริหารโรงเรียนจากตำแหน่งเดิมคืออาจารย์ใหญ่ เป็นตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนตามเกณฑ์คุณภาพสถานศึกษา นับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๔
ปลายปีการศึกษา ๒๕๕๐ โรงเรียนได้ต่อเติมอาคารอเนกประสงค์เพื่อใช้เป็นห้องเก็บวัสดุอุปกรณ์การสอน ขนาด ๕ -/- ๘ เมตร และปูพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป บริเวณหน้าอาคารเรียน คิดเป็นพื้นที่ ๒๒๐ ตารางเมตร
เมษายน ๒๕๕๑ โรงเรียนดำเนินการปรับปรุงห้องประชุมโดยก่ออิฐฉาบปูน ปูกระเบื้อง และก่อสร้างห้องวิทยาศาสตร์ โดยผู้ปกครองสนับสนุนงบประมาณและใช้เงินรายได้สถานศึกษา
เมษายน ๒๕๕๓ โรงเรียนได้ซ่อมแซมปรับปรุงอาคารเรียนโดยการปูกระเบื้องห้องเรียนทั้งหมด และต่อเติมอาคารด้านหน้าอาคารเรียน โดยการสนับสนุนงบประมาณจากผู้ปกครอง เงินอุดหนุน และ เงินรายได้สถานศึกษา
๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ โรงเรียนร่วมกับคณะกรรมการสถานศึกษา ศิษย์เก่า ผู้ปกครองและชุมชนกิจกรรมระดมทุนเพื่อซื้อที่ดิน ได้รับเงินบริจาครวมทั้งสิ้น ๑,๘๐๐,๐๐๐.- บาท ได้นำเงินซื้อที่ดินจำนวน ๑ไร่ ๑ งาน ๓๑ ตารางวา ราคา ๖๐๐,๐๐๐.- บาท ใช้ในการปรับถมที่ดิน จำนวน ๒๐๐,๐๐๐.- บาท เงินที่เหลือสมทบการเงินรายได้สถานศึกษา ดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงาน เป็นอาคาร ๒ ชั้น ทั้งนี้ นายณรงค์ เสมียนเพชร ได้สนับสนุนการต่อเติมอาคารชั้นล่างเพื่อใช้เป็นศูนย์การเรียน มูลค่าการก่อสร้างคิดเป็นเงินประมาณ ๑,๕๐๐,๐๐๐.- บาท ได้ทำพิธีมอบอาคาร เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕
ปีงบประมาณ ๒๕๕๗ โรงเรียนได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ เป็นโครงสร้างหลังคาเหล็ก กว้าง ๑๔ เมตร ยาว ๓๗ เมตร ด้วยงบประมาณ เงินรายได้สถานศึกษาและเงินบริจาค รวมค่าก่อสร้าง ๖๕๐,๐๐๐ บาท
ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ โรงเรียนได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียนแบบ สปช.๑๐๕/๒๙ ๒ ชั้น ๔ ห้องเรียน เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างอาคารเรียนไม่เพียง จึงได้รับการสนับสนุนที่ดินจากนายประยูร ยังสกุล ข้าราชการครูบำนาญ คิดเป็นพื้นที่โดยประมาณ ๘๐ ตารางวา เมื่อการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วได้ดำเนินการต่อเติมอาคารเรียนชั้นล่าง ๒ ห้องเรียน เพื่อเป็นห้องวิทยาศาสตร์ และดำเนินการปูพื้นกระเบื้องเต็มพื้นที่ ด้วยงบประมาณบริจาค ค่าดำเนินการต่อเติมประมาณ ๓ แสนบาทเศษ และในปีนี้ได้รับงบประมาณก่อสร้างส้วมหญิง ๖ ที่นั่ง
|